เกาะหินงาม

คำอธิบาย


เกาะหินงามคือหาดกรวดหินที่ตั้งอยู่บนเกาะบุโละ ซึ่งเป็นเกาะขนาดเล็ก มีความยาวประมาณ 600 เมตรและกว้างประมาณ 150 เมตร โดยห่างจากท่าเทียบเรือปากบาราไปทางตะวันตกเฉียงใต้เป็นระยะทางเรือประมาณ 87 กิโลเมตรและห่างจากเกาะอาดังไปทางทิศตะวันตกไม่ไกลนัก ความโดดเด่นแปลกตาของเกาะหินงามก็คือ ชายหาดหินกรวดทรงกลมรีขนาดเล็กใหญ่เรียงรายตลอดแนวหาดเป็นแหลมยื่นออกไปในทะเล เมื่อคลื่นซัดเข้าหาฝั่ง ผิวของหินกรวด(ที่สัมผัสน้ำ)จะลื่นวาววับเป็นเงาสะท้อนแสงตามสีเข้มของก้อนหินสลับกับริ้วสีอ่อนที่แฝงอยู่ในเนื้อหิน กลายเป็นภาพที่งดงามจับตา

ขั้นตอนการเกิดหินงามนั้น ที่ตั้งของเกาะบุโละอยู่ระหว่างเกาะอาดัง เกาะหลีเป๊ะ และหมู่เกาะดง กระแสน้ำ(ที่ขึ้นลงทุกวัน)ถูกบีบตัวเข้ามาทางช่องแคบระหว่างเกาะเหล่านี้ ทำให้กระแสน้ำมีความแรง ในหน้ามรสุม เกาะหินงามด้านผาจะรับคลื่นโดยตรงและถูกน้ำกัดเซาะทุกวัน จนพังลงมาทีละก้อนสองก้อน กระแสน้ำ(ที่แรง)จะกระแทกหินให้แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ขณะเดียวกันยังเกิดการเสียดสีจนเหลี่ยมของหินกรวดหายไป เหลือแต่ก้อนกลมมนที่สะสมตัวอยู่ตามสันดอนกรวดเป็นแหลมยื่นไปในทะเล ทั้งนี้กระแสคลื่นที่ซัดชายฝั่งจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือทำให้แนวของสันดอนแห่งนี้ยื่นออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือด้วย

สำหรับหินกรวดเหล่านี้เป็นหินฮอร์นเฟลส์ซึ่งเป็นหินแปรและมีส่วนผสมของแร่เหล็กอยู่จำนวนหนึ่ง แต่กว่าจะเป็นก้อนกลมอย่างนี้ได้ ธรรมชาติใช้เวลานานนับร้อยปี นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อที่ว่า เกาะแห่งนี้มี“คำสาปของเจ้าพ่อตะรุเตา”สำหรับผู้ใดที่เคลื่อนย้ายหินออกไปจากเกาะ ผู้นั้นจะต้องเผชิญกับความทุกข์และโชคร้ายนานัปการ



เวลาไปเกาะแก่งแอ่งกระทะ เราต้องเจอหาดทรายสวยๆพร้อมคลื่นซัดเข้าฝั่ง แต่วันนี้ขอเปลี่ยนแนวเล็กน้อย เพราะเกาะที่เราจะไปเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของทะเลอันดามันเลยก็ว่าได้ เกาะนี้มีชื่อว่า“เกาะหินงาม” ซึ่งจริงๆก็คือ“เกาะบุโละ”นั่นเอง ส่วนจะงามสมคำร่ำลือแค่ไหน ใครมาเที่ยวทะเลสตูล เกาะนี้ถือเป็นโปรแกรมภาคบังคับ
บน – ที่นี่ไม่มีทรายแม้แต่เม็ดเดียว แต่มีก้อนหินเข้ามารับหน้าที่แทน ฉะนั้น เวลาคลื่นซัดเข้าหาฝั่งทีไร น้ำที่ลื่นไหลบนก้อนหินเหล่านี้จะระยิบระยับไปทั่วหาด




ก้อนหินบนเกาะบุโละมีหน้าตาอย่างไรบ้าง ไปยลโฉมพร้อมๆกัน
ซ้ายบน – น้ำทะเลซัดเข้าหาฝั่งอยู่ต่อเนื่อง ผิวของหินทั้งชายหาดเลยเป็นเงาตลอดเวลา (จากภาพ ภูเขาลูกใหญ่ที่อยู่มุมไกลคือ เกาะราวี)
ขวาบน – น้ำทะเลมีบทบาทอย่างยิ่งยวด ถ้าขาดน้ำทะเลไป เสน่ห์ของก้อนหินคงหายโดยพลัน
ขวากลาง – นอกจากน้ำทะเลแล้ว แสงแดดก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ก้อนหินเหล่านี้ดูวาววับ
ซ้ายกลาง – บนเกาะหินงาม
มีหาดอยู่สองฝั่ง ด้านหนึ่งเป็นหินก้อนใหญ่ ขณะที่อีกด้านคือหินขนาดเล็กนับไม่ถ้วนตามภาพนี้
ซ้ายล่าง –
หินหลายก้อนมีริ้วสีเหลือง เขียว และส้ม ทำให้ตัวเองดูแตกต่างทันที
ขวาล่าง – และภาพนี้ เรามองจากน้ำทะเลด้านล่างขึ้นไปด้านบน โซนหินสีดำกริบมากมายบนสันดอนสะท้อนแสงเป็นประกายขาวไปทั่ว ทำให้เกาะบุโละกลายเป็นเกาะหินงามในที่สุด

TODAY THIS MONTH TOTAL
387 5324 297716
Copyright : 2018 KarnDernTang.com ขอสงวนลิขสิทธิ์เนื้อหาในเว็บไซต์ตามกฎหมาย ห้ามทำซ้ำหรือคัดลอกโดยไม่ได้รับอนุญาต

บริษัทรับทำเว็บไซต์ Design By cw.in.th

Scroll To Top