เกาะหลีเป๊ะ เดิมชื่อเกาะ“นิบีส”เป็นภาษามลายู แปลว่า“บาง” เกาะนี้เป็นเกาะขนาดเล็ก มีพื้นที่ประมาณ 4 ตารางกิโลเมตร อยู่ทิศใต้ของเกาะอาดังและห่างจากเกาะอาดังประมาณ 1 กิโลเมตร ถึงแม้จะเป็นเกาะเล็ก แต่ก็มีความสำคัญเนื่องจากเป็นแหล่งชุมชนชาวเลขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในทะเลฝั่งตะวันตกของภาคใต้ เพราะเกาะนี้มีลักษณะราบทั้งเกาะและมีแหล่งน้ำจืด รอบเกาะมีหาดทรายขาวสะอาด นอกจากความงามทางธรรมชาติแล้ว ยังเต็มไปด้วยวัฒนธรรมของชาวเลที่มีเอกลักษณ์เฉพาะและมีภาษาเป็นของตนเองด้วย อาชีพหลักของชาวเลที่นี่คือจับปลา
สำหรับหาดทรายหลักๆบนเกาะหลีเป๊ะมีสามหาดคือ
1. หาดพัทยา(หรือหาดบันดาหยา) หาดนี้หันไปทางทิศใต้ของเกาะหลีเป๊ะ เป็นหาดที่คึกคักและมีสีสันตลอดเวลา หน้าหาดมีรีสอร์ทและที่พักมากมาย เรือจากท่าเรือปากบาราและจากเกาะลังกาวีก็มาส่งนักท่องเที่ยวขึ้นหาดนี้ ที่นี่ยังเป็นหาดยอดนิยมของชาวต่างชาติในการนอนอาบแดด อีกทั้งทรายบนหาดก็ขาวละเอียด ส่วนเรือหางยาว(ที่พาเที่ยวในแต่ละวัน)จะจอดเทียบท่าอยู่ริมหาดเป็นทิวแถว ที่สำคัญด่านตรวจคนเข้าเมืองและซุ้มประตูเข้าออกถนนคนเดินเกาะหลีเป๊ะก็อยู่บนหาดนี้เช่นกัน
2. หาดซันไรซ์ หาดนี้หันไปทางทิศตะวันออกของเกาะหลีเป๊ะ นักท่องเที่ยวนิยมมาชมพระอาทิตย์ขึ้นที่หาดนี้ ซึ่งสามารถเดินเท้าจากหาดพัทยาผ่านถนนคนเดินมาได้ บนหาดมีที่พักพอสมควร
3. หาดซันเซ็ต หาดนี้หันไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะหลีเป๊ะ และอยู่ไกลจากหาดพัทยาราวหนึ่งกิโลเมตร บนหาดเป็นศูนย์รวมของนักท่องเที่ยวที่มาดูพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าเป็นหลัก ส่วนที่พักมีน้อยกว่าทุกหาด
สำหรับตอนค่ำ แหล่งชุนนุมของนักท่องเที่ยวมีอยู่จุดเดียวคือ ถนนคนเดิน ที่นี่จำหน่ายของกินของใช้มากมายตลอดสองข้าง
ขณะที่การเดินทางบนเกาะ สามารถเดินเท้าไปจุดต่างๆได้ ยกเว้นพื้นที่ที่ห่างกันจะมีรถแท็กซี่(หรือรถพ่วงข้างโดยสาร)เป็นตัวเลือก
นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก“เกาะหลีเป๊ะ”แล้ว ก็เพราะน้ำทะเลใสราวกระจก หาดทรายขาวละเอียด และปะการังสวยดั่งสีรุ้ง ปัจจัยเหล่านี้ขจรไกลไปทั่วจนแม้แต่ชาวต่างชาติยังหอบหิ้วสัมภาระข้ามโลกมาสัมผัสน้ำใสๆด้วยคน เราในฐานะเจ้าภาพก็ขอแบ่งปันความงดงามเป็นภาพและถ้อยคำอีกแรง
บน – เรือสปีดโบทจากท่าเรือปากบารากำลังพาเราสู่เกาะหลีเป๊ะ หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมงครึ่ง (รวมเวลาแวะเกาะไข่ด้วย) เบื้องหน้าก็คือหาดพัทยา(หรือหาดบันดาหยา)ที่มีทรายสีขาวสว่างมาแต่ไกลเลย ส่วนรีสอร์ทก็เรียงหน้ากระดานกันเพียบ ความหรรษาทั้งกลางวันกลางคืนรวมอยู่ที่หาดนี้จริงๆ
ซ้าย – เรามาดูน้ำทะเลรอบเกาะหลีเป๊ะสักหน่อย แค่ห่างฝั่งไม่ถึงสองร้อยเมตร น้ำรอบเกาะก็ชวนหลงใหลแล้ว
- หาดหลักๆบนเกาะหลีเป๊ะมีอยู่สามหาด ขอเริ่มจากหาดพัทยา(ที่เราจะขึ้นฝั่ง)ก่อน
ขวา – หาดพัทยาเต็มไปด้วยเรือหางยาวมากมาย(เพื่อพานักท่องเที่ยวไปยลโฉมโลกใต้ทะเลในแต่ละวัน)
กลาง – หาดนี้คือสวรรค์ของชาวต่างชาติที่มานอนอาบแดดท่ามกลางทรายสีขาว แดดหน้าร้อนช่วงไฮซีซั่นเปรี้ยงปร้างได้ใจมาก ใครอยากผิวสีแทน ความระอุขนาดนี้จัดได้แน่นอน
ล่าง – ลองหันหน้าไปอีกด้านของหาดพัทยากัน ฝั่งนี้เป็นหาดโล่ง แต่ก็โชว์ให้เห็นว่า หาดพัทยามีทรายขาวละเอียดที่สุดบนเกาะหลีเป๊ะ แถมแสงยิ่งแรงเท่าไหร่ ยิ่งสะท้อนความขาวเท่านั้น
ตอนนี้เริ่มเย็นแล้ว ไฮไลต์ต่อไปหนีไม่พ้นหาดซันเซ็ต จากหาดพัทยา ถ้ามาหาดซันเซ็ต ก็ราวหนึ่งกิโลเมตร ส่วนใหญ่เลือกใช้บริการแท็กซี่(หรือรถพ่วงข้างแบบมีหลังคา)เพื่อความสะดวก แต่ถ้าใครอยากออกกำลังวังชา ก็เดินไปเลย
บน – หาดซันเซ็ตเป็นหาดชมพระอาทิตย์อัสดงที่สวยสุดบนเกาะหลีเป๊ะ นักท่องเที่ยวหลายร้อยคนจึงรวมพลพรรคที่หาดนี้เพื่อจุดประสงค์เดียวกัน ส่วนใหญ่มาจับจองพื้นที่บนหาดล่วงหน้า แต่บางคนก็มาช่วงพระอาทิตย์ใกล้ตกแทน สำหรับกิจกรรม(ที่ทำฆ่าเวลา)มีอ่านหนังสือ พูดคุย นอนอาบแดด กินอะไรเล่นๆ ถ่ายรูปพลางๆ หรือแม้แต่นั่งปล่อยอารมณ์ (จากภาพ ตอนนี้แสงยามเย็นกำลังสาดเข้าหาทุกคน)
ซ้ายบน – พระอาทิตย์กลมโตเปล่งประกายเพื่อให้สัญญาณว่าจะลับขอบฟ้าแล้ว ใครอยากถ่ายรูปก็รีบถ่าย
ขวาบน – บรรยากาศหาดซันเซ็ตช่วงเย็นครึกครื้นมาก ชาวต่างชาตินานาประเทศร่วมกันเก็บความประทับใจผ่านกล้องอย่างชื่นมื่น
- จากหาดซันเซ็ต เรามาต่อท้ายตอนเช้ามืดด้วยหาดซันไรซ์ จุดประสงค์ก็เช่นเดียวกับหาดซันเซ็ต เพียงแต่เปลี่ยนมาดูพระอาทิตย์ขึ้นแทน
ซ้ายล่าง - ท้องฟ้าทึมๆ พระอาทิตย์ยังไม่ปรากฏกาย แต่ความคึกคักบนหาดต่างจากพระอาทิตย์ตกลิบลับ ผู้คนจางตา ทุกอย่างอยู่ในความสงบ เพราะคนบนหาดต้องตื่นแต่ไก่โห่ ในขณะที่เกือบทั้งเกาะยังหลับฝันหวาน
ขวาล่าง – จุดเด่นบนหาดซันไรซ์คือซากขอนไม้ นอกจากนั่งชมวิวบนหาดทรายตามธรรมเนียม บางคนก็คว้าทำเลบนนี้เป็นตัวเลือก (แต่ทุกอย่างตอนนี้ยังสลัวไปทั้งเกาะ)
ขอเดินเที่ยวเกาะหลีเป๊ะให้จุใจก่อน
บน – แสงสีส้มอ่อนๆยามเช้าขึ้นมาทักทายเหนือทะเลอันดามัน ทุกคนสัมฤทธิ์ผลกับเป้าหมายบนหาดซันไรซ์แล้ว (จากภาพ เกาะเล็กๆทางซ้ายคือเกาะดาลัง ส่วนตรงเส้นขอบฟ้าทางซ้ายสุดเป็นส่วนปลายของเกาะตะรุเตา ขณะที่กลางภาพใต้ดวงอาทิตย์เป็นเงาจางๆคือเกาะลังกาวีของมาเลเซีย)
- นอกจากหาดทรายทั้งหมด ทีมงานยังไม่ขอออกจากเกาะไปไหนเพราะมีประเด็นน่าสนใจให้แจกแจงอีก
กลาง – ถนนคนเดินเกาะหลีเป๊ะเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวที่ทำให้ทุกคนบนเกาะไม่โดดเดี่ยว ความคับคั่งเห็นตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง หันซ้ายแลขวาทางไหนก็มีอาหารคาวปลาทั้งไทยและอินเตอร์ เครื่องดื่ม ของกินเล่น เสื้อผ้าอาภรณ์ ของชำร่วย นวดแผนโบราณ ทัวร์นำเที่ยว ร้านสะดวกซื้อ ยา ทำเล็บผม เรียกว่าถึงแม้โดนปล่อยเกาะ ก็ยังมีทุกสิ่งให้เลือกสรร
ซ้ายบน – อาหารบนถนนเกือบทุกร้านมีแนวทางคล้ายกัน คือทั้งอาหารจานเดียวและเป็นกับข้าว ตัวอย่างจานเดียวร้านนี้ก็มีข้าวไข่เจียวหมูสับ ข้าวคลุกกะปิ ก๋วยเตี๋ยวน้ำ กะเพราไก่ไข่ดาวราดข้าว ผัดซีอิ๊ว ฯลฯ ขณะที่กับข้าวก็เช่น สะตอผัดกุ้ง ปลาทอดกระเทียม แกงส้ม(ภาคใต้) ฉู่ฉี่กุ้ง ส้มตำไทย ต้มยำทะเล แกงเขียวหวาน ลาบไก่ หมึกนึ่งมะนาว ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีน้ำผลไม้ปั่น ชากาแฟ เบอร์เกอร์ และโรตีหน้าต่างๆ
ขวาบน – ร้านเสื้อผ้าชายหญิงก็มีมากจนลายตา เช่น เสื้อยืดแขนสั้น เสื้อกล้าม ชุดบิกินี่ เสื้อที่ระลึก“เกาะหลีเป๊ะ” กางเกงขาสั้น ชุดเดินชายหาด ฯลฯ ส่วนเครื่องประดับและเครื่องแต่งกายก็เพียบ เช่น สร้อย กำไล ปิ่นปักผม สายข้อมือ ฯลฯ รวมทั้งข้าวของอีกนับไม่ถ้วน
ซ้ายล่าง – จุดนี้เป็นด่านตรวจคนเข้าออกประเทศเพราะมีเรือเฟอร์รี่จากเกาะลังกาวีของมาเลเซียมาเกาะหลีเป๊ะวันละสองรอบ ฉะนั้นถ้าคนไทยเที่ยวทะเลไทยจนอิ่มหนำแล้ว เราสามารถไปเที่ยวเกาะลังกาวีของมาเลเซียจากเกาะหลีเป๊ะต่อได้เลย เพียงแค่พกพาสปอร์ตติดตัวมาด้วย โดยเรือเฟอร์รี่จะวิ่งจากเกาะหลีเป๊ะไปเกาะลังกาวีวันละสองรอบคือ 10:30 และ 16:00 (ทั้งนี้ใครต้องการไปเกาะลังกาวี ต้องทำเรื่องออกนอกประเทศที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองให้เรียบร้อยก่อนเรือออกอย่างน้อยสองชั่วโมง)
ขวาล่าง – อำลาเกาะหลีเป๊ะด้วยภาพรถแท็กซี่(ที่คนบนเกาะเรียกกัน) ซึ่งก็คือรถพ่วงข้างโดยสาร(แบบมีหลังคา)นั่นเอง นักท่องเที่ยวหลายคนต่างก็พึ่งพาพาหนะชนิดนี้ สนนราคาต่อคนก็ 50 บาทไม่ว่าคุณจะไปส่วนไหนของเกาะ
TODAY | THIS MONTH | TOTAL | |||
278 | 5215 | 297607 |