ถ้ำเชียงดาว

คำอธิบาย


เทือกเขาที่เรียงตัวอยู่ทางทิศตะวันตกของอำเภอเชียงดาวตั้งแต่เหนือจรดใต้ หนึ่งในนั้นคือดอยหลวงเชียงดาว โดยคำว่า“เชียง”เพี้ยนมาจากคำว่า“เพียง”ที่แปลว่า“ทัดเทียม” และภูเขาลูกนี้มีถ้ำขนาดเล็กใหญ่อยู่หลายแห่งด้วยกัน แต่ที่โดดเด่นที่สุดคือ ถ้ำเชียงดาว

ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยรูปทรงต่างๆมากมายและมีทางเดินทั้งหมด 5 ถ้ำดังนี้

ถ้ำแรกคือถ้ำพระนอน เส้นทางนี้มีไฟนำทางตลอด เราสามารถเดินเที่ยวชมเองได้ หินที่น่าสนใจก็มีวังพญานาค เต่าพันปี หินฮิปโป โคมไฟเทวดา น้ำตกสองสี ดอกบัวพันชั้น และปลายทางที่พระนอน(ตามชื่อถ้ำ)ในปางที่หงายหน้าขึ้น

ส่วนถ้ำม้าและถ้ำลับแล สองถ้ำนี้ไม่มีไฟส่องทาง แต่มีเจ้าหน้าที่พร้อมตะเกียงเจ้าพายุนำทางให้เรา ซึ่งมีค่าบริการด้วย จุดที่น่าสนใจในถ้ำม้าและถ้ำลับแล ได้แก่ หลวงปู่มั่น หินม้า ดอกบัวตูม สนามกีฬา(หรือสนามกอล์ฟ) หินสิงโต หัวพญานาค ช้างเอราวัณสามเศียร กระท่อมฤาษี ช้างนอน ประตูถ้ำลับแลยาวห้าเมตร ลูกช้าง หินกบ หินมะละกอ เชิงเทียนคู่ หัวใจถ้ำ หินม่านไทรย้อย หินตาหินยาย(หรือหินต่ออายุ) พ่อปู่ฤาษี เป็นต้น และเส้นทางสุดท้ายก็คือทางด่วนที่เป็นบันไดกลับสู่ทางออก (ซึ่งในอดีตที่ยังไม่สร้างบันไดปูนขึ้นลง ชาวบ้านที่เข้าถ้ำนี้ต้องปีนขึ้นลงด้วยความชันกัน)
ขณะเดียวกัน การเข้าถ้ำม้าและถ้ำลับแลนี้ เราจะเดินจากต้นทาง แล้วออกปลายทางอีกด้านหนึ่งแทน ไม่สามารถเดินย้อนกลับทางเดิมได้ เนื่องจากความสะดวกของนักท่องเที่ยวที่เดินตามกันมา

สำหรับช่วงทางออกยังมีทางเข้าถ้ำแก้วต่อ แต่เราไม่สามารถเข้าได้เนื่องจากทางค่อนข้างอันตราย

ส่วนทางเข้าถ้ำน้ำจะอยู่บริเวณพระนอนลึกเข้าไป

ถ้ำเชียงดาวมีน้ำไหลออกจากถ้ำตลอดจนเป็นแอ่งน้ำใสอยู่ภายนอกถ้ำ ซึ่งจะเห็นปลาว่ายไปมามากมาย

แต่เดิมถ้ำเชียงดาวเคยเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังเป็นที่ปฏิบัติธรรมของฤาษีและพระภิกษุ เราจึงพบสิ่งก่อสร้างและวัตถุโบราณมากมายด้วยฝีมือการออกแบบและปั้นจากช่างพม่า โดยพบครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2178 ต่อมาในปี พ.ศ.2430 พระญาอินต๊ะภิบาล ซึ่งเป็นผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาพุทธศาสนาอย่างจริงจัง ได้พัฒนาสิ่งต่างๆในถ้ำเชียงดาว เช่น ก่อสร้างบันไดเข้าถ้ำและกำแพง พร้อมทั้งว่าจ้างช่างปั้นชาวพม่าสร้างพระพุทธรูปปางต่างๆ รวมทั้งรูปปั้นสิงห์และรูปปั้นนางกินรีไว้ในถ้ำ ในปี พ.ศ.2456 ฤาษีอุคันธะได้พัฒนาถ้ำให้สวยงามขึ้นไปอีกโดยสร้างเจดีย์จำนวน 25 องค์บริเวณหน้าถ้ำ หนึ่งในนั้นคือพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ซึ่งมีลักษณะนอนหงาย โดยต่างจากทั่วไปที่นอนตะแคง รวมทั้งสร้างพระพุทธรูปที่มีนามว่า หลวงพ่อทันใจ ด้วย

จนเมื่อมีการสร้างวัดถ้ำเชียงดาวขึ้นภายนอกถ้ำ ในสมัยที่หลวงพ่อทองคำเป็นเจ้าอาวาส ท่านจัดให้มีไฟฟ้าส่องสว่างภายในถ้ำและหากจุดใดไฟฟ้ายังไปไม่ถึง ก็มีเจ้าหน้าที่นำตะเกียงเจ้าพายุมาคอยบริการ ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวสะดวกในการเที่ยวชมถ้ำมากกว่าแต่เดิม

นอกจากนี้ยังมีตำนานกล่าวถึงเจ้าหลวงคำแดงที่สร้างความเลื่อมใสศรัทธาให้กับผู้คนมากมายด้วย กล่าวคือเจ้าหลวงคำแดงเป็นบุตรของเจ้าผู้ครองเมืองพะเยา ท่านได้ทิ้งบ้านเมืองเพื่อออกตามหาหญิงสาวที่แปลงร่างเป็นกวางทอง เพราะหลงในรูปโฉมที่งดงาม หญิงสาวคนดังกล่าวหายเข้าไปในถ้ำเชียงดาว เจ้าหลวงคำแดงจึงตามเข้าไปในถ้ำเช่นกัน โดยไม่กลับออกมาอีกเลย หากแต่ได้จุติใหม่เป็นเทวดาผู้มีฤทธิ์สถิตอยู่ในถ้ำและปกปักรักษาถ้ำเชียงดาว ต่อมาชาวบ้านได้สร้างศาลถวายท่านและตั้งชื่อว่า ศาลเจ้าพ่อหลวงคำแดง ตามตำนานกล่าวไว้ว่าในคืนที่มีนิมิตหมายอันดีและท้องฟ้าไร้เมฆหมอก จะปรากฏลูกกลมแสงสว่างคล้ายพระธาตุลอยออกมาจากหลังดอยหลวงเชียงดาว แล้วเคลื่อนไปทางทิศตะวันออกเป็นเวลา 5 นาที จากนั้นจะได้ยินเสียงดังคล้ายเสียงปืนใหญ่ แล้วแสงสว่างนั้นก็หายไป ชาวบ้านมักเชื่อว่าเป็นวิญญาณของเจ้าหลวงคำแดงที่ไปเยี่ยมบ้านเกิดที่เมืองพะเยา นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเล่าต่อกันมาว่า มีฤาษีชื่อว่า พรหมฤาษี ซึ่งเป็นผู้วิเศษด้วยฌานอันแก่กล้า ท่านได้เรียกประชุมเหล่าเทวดา อินทร์ พรหม ยักษ์ อสูร นาคราช เพื่อมาเนรมิตสิ่งวิเศษต่างๆ เช่น พระพุทธรูปทองคำ ต้นโพธิ์ทองคำ ช้างวิเศษหรือช้างเอราวัณ ดาบวิเศษหรือดาบศรีกัญชัย อาหารทิพย์ ม้าวิเศษ ฯลฯ สิ่งต่างๆเหล่านี้ถูกเก็บไว้ที่ส่วนลึกของถ้ำ และได้รับการดูแลรักษาอย่างดีจากเทวดาผู้มีฤทธิ์ที่ชื่อว่า เจ้าหลวงคำแดง ครั้งหนึ่งมีชาวบ้าน 2 คนเข้าไปในถ้ำเพื่อค้นหาของวิเศษและต้องการนำออกมาจากถ้ำ แต่แล้วสองคนก็หาทางออกจากถ้ำไม่ได้ แม้ญาติพี่น้องเข้าไปตาม ก็ไม่พบ ภายหลังมีชาวบ้านเข้าไปพบโดยบังเอิญ ปรากฏว่าคนหนึ่งเสียชีวิตแล้ว ส่วนอีกคนหนึ่งยังมีชีวิตอยู่ จึงนำมารักษาตัวที่บ้าน แต่เพียงไม่ถึงอาทิตย์ก็เสียชีวิต จากนั้นก็มีเรื่องราวของคนที่เข้าไปในถ้ำ แล้วหลงทางกลับออกมาไม่ได้ จนต้องเสียชีวิตอยู่ในถ้ำเพราะมีจิตอกุศล คิดอยากได้ของวิเศษมาเป็นสมบัติส่วนตัว ดังนั้นเรื่องราวในตำนานจึงกลายเป็นความเชื่อความศรัทธาในความศักดิ์สิทธิ์ของถ้ำเชียงดาวตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา


ตอนมาถึงถ้ำเชียงดาว บรรยากาศรอบนอกเขียวขจีไปด้วยภูเขาและต้นไม้ใบหญ้า ทุกอย่างดูร่มรื่น ส่วนนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติก็ทยอยมาเรื่อยๆเพื่อชมความงามหินงอกหินย้อย อากาศปลายปีที่นี่เย็นดี เดี๋ยวเราจ่ายค่าธรรมเนียม แล้วเข้าถ้ำไปสัมผัสความวิจิตรตระการตากัน
ซ้ายบน – หลังจากเข้าเขตวัดถ้ำเชียงดาวมา เราต้องเดินผ่านศาลาทรงพม่าที่สร้างเป็นขั้นบันไดขึ้นไปเพื่อเข้าสู่ปากถ้ำเชียงดาว (จุดเก็บค่าธรรมเนียมเข้าถ้ำอยู่บริเวณนี้)
ขวาบน – สถานที่แรกที่นักท่องเที่ยวทุกคนจะเห็นก็คือ“ปล่องแจ้ง”ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่างๆมากมาย พระพุทธรูปทั้งหมดออกแบบและปั้นโดยช่างชาวพม่าในปีพ.ศ.2178 ขณะที่ด้านบนมีปล่องถ้ำที่แสงสามารถลอดผ่านลงมา ทุกคนขึ้นไปสักการะได้
ซ้ายกลางบน – เมื่อเดินผ่านปล่องแจ้งมา เราก็เข้าสู่โถงใหญ่ จุดนี้มีพระพุทธรูปให้สักการะเช่นกัน (จากภาพ ทางขวามือมีขั้นบันไดและดวงไฟอยู่ เส้นทางนี้เป็นทางไปถ้ำพระนอน นักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวเองได้เพราะมีไฟนำทางตลอด แต่ทางซ้ายที่เห็นนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งกำลังเดินขึ้นบันไดกัน จุดนี้คือทางไปถ้ำม้าและถ้ำลับแล ซึ่งต้องมีไกด์ถือตะเกียงเจ้าพายุนำทางให้ โดยเสียค่าบริการพาเที่ยวกลุ่มละ 200 บาทต่อจำนวนนักท่องเที่ยวไม่เกิน 5 คน เราไม่สามารถเข้าเองได้เนื่องจากไม่มีไฟนำทางภายใน ทุกอย่างมืดสนิท
- ตอนนี้เราเริ่มเดินเข้าถ้ำพระนอนก่อน
ซ้ายกลางล่าง – บริเวณถ้ำมี
ที่ประดิษฐานหลวงปู่ทวดและสมเด็จพระพุทธจารย์โต พรหมรังษีให้นักท่องเที่ยวได้กราบไหว้ต่อ
ขวากลาง – นอกจากนี้ยังมี
วังพญานาคซึ่งเป็นที่ประดิษฐานสมเด็จองค์ปฐมพระพุทธสิกขีทศพลญาณที่ 1 ด้วย
ซ้ายล่าง – “ระฆัง”ที่แขวนอยู่บนคานเหล็ก(แล้วสร้างหุ่นมารับหน้าที่แบกประกอบเรื่องราว)คือทองสัมฤทธิ์หนัก 200 กิโลกรัมและสลักชื่อเป็นภาษาขอมว่า“พระครูบาประธรรมปัญโญ”และ”พ่อแสนปีระ” ทั้งสองเป็นผู้ค้นพบถ้ำเชียงดาวเป็นครั้งแรก
ขวาล่าง – หินบริเวณนี้มีลักษณะคล้ายหญิงสาวกำลังนอนอยู่



ต่อไปเราไปดูหินงอกหินย้อยของถ้ำพระนอนตามรายทาง ก่อนไปถึงจุดไคลแมกซ์ของถ้ำ นั่นก็คือ พระนอน
ซ้ายบน – เพดานถ้ำบางช่วงมีหินย้อยที่ตระการตาแบบนี้
ขวาบน – จุดนี้เป็นทางเดินปูนที่มีหินย้อยสวยงามแปลกตา
ซ้ายกลาง – หินย้อยคู่นี้สร้างจุดเด่นให้กับนักท่องเที่ยวได้แน่นอน ซึ่งมีชื่อว่า"หินนมพระแม่ธรณี"
ขวาล่าง – ผนังถ้ำทางขวาข้างทางเดินธรรมชาติมีหินงอกหินย้อยราวน้ำตกที่ไหลเป็นชั้นลงมา ซึ่งเรียกกันว่า"หินเจ็ดชั้น"
ซ้ายล่าง - ตามเส้นทาง ถ้าสังเกตดีๆ เราจะเห็นดินละเอียดอยู่เป็นจุดๆ ดินเหล่านี้ถูกน้ำพัดพาออกมาจากถ้ำน้ำ(ที่ลึกจากถ้ำพระนอนเข้าไปอีก) ซึ่งน้ำจะท่วมสูงในเดือนกันยายน และเมื่อน้ำลดลง ก็จะแห้งเป็นผงดินนิ่มๆแบบนี้




ในที่สุด เราก็เดินทางมาถึงปลายทางบริเวณพระนอน
ซ้ายบน – พระนอนในปางหงายขึ้นที่ชาวบ้านเข้ามาสักการะกัน
- จากถ้ำพระนอน เราจ้างไกด์พาเข้าถ้ำม้าและถ้ำลับแลดีกว่า อยากรู้ว่าในความมืดระยะทาง 735 เมตรข้างใน แสงจากตะเกียงเจ้าพายุจะทำให้เราเห็นตัวอย่างหินแปลกตาอะไรบ้าง
ขวาบน – บางเส้นทาง เราก็ต้องมุดเข้ารูถ้ำเล็กๆแบบนี้
ซ้ายกลาง – หินย้อยจากเพดานถ้ำคว่ำลงมาเป็นดอกบัวตูมหลายดอกอย่างที่เห็น
ขวากลาง – บริเวณผนังถ้ำช่วงนี้มีลักษณะหินคล้ายม่านไทรย้อย
ซ้ายล่าง – เดินต่อไปเรื่อยๆ เราก็พบกับหินรูปทรงคล้ายเชิงเทียนคู่ที่งอกจากพื้นขึ้นมา
ขวาล่าง – แต่ที่แอบสะดุ้งเฮือกกลับเป็นหินงอกจุดนี้ บริเวณพื้นเหมือนงูหลามตัวใหญ่ที่กำลังเลื้อยไปมา (ธรรมชาติช่างสร้างสรรค์ได้ระทึกใจดี)



นอกจากถ้ำเชียงดาวที่เป็นจุดดึงดูดให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาจากทั่วสารทิศแล้ว โดยรอบถ้ำยังเป็นพื้นที่ของวัดถ้ำเชียงดาวด้วย การเดินทางเข้าวัดและถ้ำสามารถเข้าได้สองทางคือ ทางเข้าด้านหน้าบริเวณซุ้มประตูวัดถ้ำเชียงดาวและจากลานจอดรถบริเวณอุโบสถ
- นอกจากถ้ำแล้ว สถานที่สำคัญในวัดถ้ำเชียงดาวมีดังนี้
ซ้ายบน – อุโบสถของวัดถ้ำเชียงดาว สร้างโดยหลวงพ่อทองคำ มีการทำบุญฉลองผูกพัทธสีมาและฝังลูกนิมิตในปี พ.ศ.2515
ขวาบน – พระวิหารครูบาศรีวิชัย สร้างโดยครูบาศรีวิชัยในปี พ.ศ.2477
ซ้ายกลาง – พระประธานในพระวิหารครูบาศรีวิชัย
ขวากลางบน - พระพุทธรูปในศาลาอเนกประงสงค์
ขวากลางล่าง - ศาลาพระทันใจ
ซ้ายล่าง - ลานพระมหาจักรพรรดิ
- ออกจากถ้ำแล้ว ทีมงานก็มุ่งหน้าสู่ร้านค้าเลย
ขวาล่าง -
ภายนอกวัดยังมีแผงลอยและร้านค้าให้นักท่องเที่ยวได้ซื้อของกินของใช้ด้วย ลักษณะร้านค้ามีทั้งอาคารชั้นเดียว เพิงไม้ ซุ้มร้านค้า เต็นต์ รถเข็น และรถพ่วงข้าง แต่ละร้านจะเรียงติดกันอยู่ทั้งสองฝั่งของลานจอดรถ สำหรับร้านอาคารมีอยู่หลายร้าน แต่ละร้านจะมีที่นั่งพร้อมเสร็จในร้าน
รายการสินค้า - อาหารมีข้าวผัด(หมูไก่หมึกและกุ้ง) ข้าวกะเพรา(หมูไก่หมึกและกุ้ง) ผัดพริกแกง ผัดผักรวม ผัดเปรี้ยวหวาน สปาเก็ตตีผัดขี้เมา ราดหน้า ผัดซีอิีว คะน้าหมูกรอบ ต้มยำปลานิล
ยำวุ้นเส้น หมูทอดกระเทียม ยำแหนม ส้มตำปูและไทย แกงจืดเต้าหู้หมูสับ ต้มข่าไก่ ต้มยำกุ้ง แกงเขียวหวาน น้ำตก และลาบ เครื่องดื่มปรุงที่ร้านมีคาปูชิโน มอกค่า เอสเพรสโซ คาราเมลลาเต้ คาราเมลมอกคา โอวัลติน โกโก้ นมสด นมเย็น ชาดำเย็น ชามะนาว ชากุหลาบ ชาเขียว โอเลี้ยง บ๊วยสับปะรดโซดา ไมโล แดงมะนาวโซดา กระเจี๊ยบโซดา และแอปเปิลโซดา เครื่องดื่มในตู้เย็นมีแฟนต้า(น้ำแดง น้ำส้ม น้ำเขียว) เป๊ปซี่ โค้ก สไปรท์ ชเวปส์ กาโตะ(รสลิ้นจี่และรสสตรอว์เบอร์รี) เบียร์สิงห์ เบียร์ช้าง สแปลชรสส้ม ไวตามิลค์ โอวัลติน ดีน่าสูตรงาดำสองเท่า แลคตาซอย(รสหวานและรสช็อกโกแลต) ฉลาม ลิโพ โสมอินซัม กระทิงแดง เอ็มร้อยห้าสิบ คาราบาว สปอนเซอร์ น้ำดื่มสิงห์ น้ำดื่มคาราบาว แมนซั่มสูตรคอลลาเจน มินิทเมดพัลพี น้ำดื่มคริสตัล ลิปตันไอซ์ที น้ำดื่มเนสต์เล เรดี้บูตรสโกจิเบอร์รี น้ำเฉาก๊วยยูเอฟซี ยาคูลท์ ดัชมิลล์ซีเลกเต็ด ดัชมิลล์โฟร์อินวัน(รสต่างๆคือ มิกซ์ฟรุต ส้ม สตรอว์เบอร์รี) แบรนด์ เนสกาแฟเอสเพรสโซโรสต์ อิชิตัน(รสต่างๆคือ ต้นตำรับ จมูกข้าวญี่ปุ่น และเย็นเย็นสูตรจับเลี้ยง) และโออิชิ(รสน้ำผึ้งมะนาวและรสองุ่นเคียวโฮ) ขนมขบเคี้ยวมีเลย์(รสต่างๆคือ โนริสาหร่าย เอ็กซ์ตราบาร์บีคิว ซาวครีมและหัวหอม และมันฝรั่งแท้) ปาปริก้า โปเต้ แจ๊กซ์พร้อมซอสมะเขือเทศ ขนมไก่ย่างรสดั้งเดิม โดโซะรสกลมกล่อม อาริงาโตรสดั้งเดิม เถ้าแก่น้อย ทาโร่รสบาร์บีคิว สแน็กแจ๊กรสดั้งเดิม ฮานามิรสดั้งเดิม โรลเลอร์โคสเตอร์รสชีสต้นตำรับ โก๋แก่(รสกะทิและถั่วลิสงฝักอบกรอบ) โอริโอ ปาร์ตี้รสคาราเมล ซีมอน(สอดไส้ช็อกโกแลและรสช็อกโกแลตสอดไส้ครีม) รวยเพื่อน คอนเน่ ป๊อกกี้รสช็อกโกแลต ยูโร่เค้ก ฟันโอไส้ครีมช็อกโกแลต โตโร่ รวมทั้งมาม่าคัพ ของกินอื่นๆมีกล้วยปิ้ง ผลไม้สดและหั่นชิ้นมีมะม่วงดอง แตงโม ส้มโอ สับปะรด แคนตาลูป มะม่วงมัน มะพร้าวเผา องุ่นดอง มะขามดอง กล้วยน้ำว้า ฝรั่ง และมะละกอ ตัวอย่างสมุนไพร เช่น ว่านเอ็นเหลือง หญ้าหวาน ยาหอม พระเจ้าห้าพระองค์ ไก่แดง สบู่เลือด ม้าขาว กระชายดำ พญามือเหล็ก ว่านธรณีเย็น ว่านเสน่ห์ดอกทอง น้ำมันว่านเขาหลง ปลาไหลเผือก กวาวเครือดำ ชุดสมุนไพรแก้โรคนิ่ว ขอทองแก้ ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีพระเครื่อง วัตถุมงคล เสื้อผ้าชาวเขา และสลากกินแบ่ง

TODAY THIS MONTH TOTAL
321 5258 297650
Copyright : 2018 KarnDernTang.com ขอสงวนลิขสิทธิ์เนื้อหาในเว็บไซต์ตามกฎหมาย ห้ามทำซ้ำหรือคัดลอกโดยไม่ได้รับอนุญาต

บริษัทรับทำเว็บไซต์ Design By cw.in.th

Scroll To Top