เขาถ้ำระฆังทองเป็นภูเขาหินที่มีพื้นที่ติดกับป่าชายเลนและมีน้ำท่วมถึง ในอดีตบริเวณนี้เคยมีกุ้ง หอย ปู และปลาชุกชุม นอกจากนี้ยังมีสัตว์ป่าอาศัยเป็นจำนวนมาก เช่น เสือ เม่น ลิง หมี งู ฯลฯ รวมทั้งนกอีกหลายชนิด ต่อมามีหลวงตารูปหนึ่งซึ่งเป็นคนในพื้นที่ได้เข้ามาปลูกศาลาเล็กๆเพื่อปฏิบัติธรรมอยู่หลายปี ในตอนแรกหลวงตาต้องทำสะพานเดินเข้ามาเพราะรอบภูเขามีแต่ดินเลน

หลายปีต่อมา หลวงพ่อเตี่ยนภัทรกิจ(เจ้าอาวาสวัดสุขไพรวัน)ได้มานั่งปฏิบัติธรรมและรู้เห็นหลายสิ่งหลายอย่างโดยรอบ จึงได้ค้นคว้าหาถ้ำต่างๆที่มีอยู่ประมาณ 20 กว่าถ้ำ ซึ่งแต่ละถ้ำล้วนมีความงดงามและเงียบสงบ จึงทำการพัฒนาพื้นที่โดยรอบโดยถมดินขึ้นใหม่ประมาณหนึ่งเมตรเศษและก่อสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรมขึ้น

หลวงพ่อเตี่ยน(หรือพระครูพิบูลภัทรกิจ)มีพระที่ร่วมใจพัฒนาอีกรูปคือ พระครูไบฎีกาสมบูรณ์หรือหลวงพ่อโทนรูปปัจจุบัน หลังจากหลวงพ่อเตี่ยนมรณภาพไป หลวงพ่อโทนก็รับหน้าที่สืบต่อมา

นอกจากเราจะได้กราบไหว้พระแล้ว สิ่งที่โดดเด่นของศูนย์ปฏิบัติธรรมเขาถ้ำระฆังทองก็คือ บันไดนับร้อยขั้นที่จะพานักท่องเที่ยวขึ้นเขาไปพบพระพุทธรูปหลายองค์ และถ้าใครสงสัยว่า ทำไมชื่อภูเขาถึงมีคำว่า“ถ้ำ”อยู่ด้วย นั่นก็เพราะรอบภูเขามีโพรงถ้ำมากมายให้เราได้ผจญภัย รวมทั้งฝูงลิงนับร้อยนับพัน
ซ้ายบน – ศูนย์ปฏิบัติธรรมเขาถ้ำระฆังทองมีถ้ำทะลุเล็กๆอยู่บริเวณลานด้านหน้า ซึ่งเป็นจุดแรกที่ทุกคนจะได้เห็น (จากภาพ ถ้ำทะลุนี้มีพระพุทธรูปให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้ นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปปางต่างๆและระฆังทองแขวนเรียงเป็นทางยาวอยู่หน้าผนังถ้ำด้านนอก)
ขวาบน – มุมกราบไหว้ในถ้ำทะลุ
- ต่อไปเป็นไฮไลต์ของศาสนสถานแห่งนี้
ขวากลาง – บันไดเป็นทางยาวขึ้นสู่ภูเขาด้านบน
ซ้ายกลาง – เราลองหันไปมองบันไดที่เพิ่งเดินขึ้นมาบ้าง
ซ้ายล่าง – ระหว่างทางของบันไดมีทางปูนเชื่อมไปยังกุฏิของพระ แต่ปัจจุบันไม่มีพระจำพรรษาอยู่ในกุฏิหลังนี้
ขวาล่าง – พระพุทธรูปปางปฐมเทศนาและพระสาวก

เดินชมกันต่อ
ซ้ายบน – พระพุทธรูปปางปฐมเทศนาในระยะใกล้
ขวาบน – เหล่าพระสาวก
ขวากลาง – สะพานข้ามจากเขาฝั่งพระพุทธรูปปางปฐมเทศนาไปอีกฟากหนึ่ง
ซ้ายกลาง – หลังจากข้ามสะพานมา ทีมงานหันไปมองวิวสักเล็กน้อย
- จากสะพานเมื่อสักครู่ เมื่อเดินข้ามมาแล้ว จะมีสี่แยกให้เราเลือกเดิน ถ้าไปทางซ้ายคือ เป็นบันไดขึ้นเขาต่อ ส่วนทางขวาเป็นบันไดลงเขา แต่ยังมีบันไดให้เดินตรงขึ้นไปด้วย ทีมงานขอเดินตรงขึ้นบันไดก่อน
ซ้ายล่าง – เมื่อขึ้นมาแล้ว เราจะพบลานเล็กๆที่มีพระพุทธรูปปางโปรดพระมารดาประดิษฐานอยู่ใต้ต้นไม้และมีเหล่าเทวดารายล้อมโดยรอบ
ขวาล่าง – จากนั้นให้เดินกลับลงมาที่สี่แยก แล้วเดินบันไดขึ้นเขาต่อ เส้นทางช่วงต่อมาเป็นทางธรรมชาติและมีแอ่งน้ำเล็กๆอยู่ทางซ้าย

ตอนนี้ทุกคนก็มาถึงไฮไลต์แล้ว
ซ้ายบน – "ท่านพ่อใหญ่ชัยมงคล"ยืนเด่นตระหง่านอยู่บนยอดเขา เราสามารถขึ้นบันไดไปชมได้เลย
ขวาบน – ท่านพ่อใหญ่ชัยมงคลในระยะใกล้เข้ามา
ซ้ายล่าง – ท่านพ่อใหญ่ชัยมงคลจากด้านหน้า
ขวากลาง – ทางเดินรอบท่านพ่อใหญ่ชัยมงคล
ขวาล่าง – ใต้ฐานของท่านพ่อใหญ่ชัยมงคลยังมีทางเดินชั้นล่างอีกชั้นด้วย

เดินขึ้นเขาต่อ
ซ้ายบน – ยอดเขาสูงสุดเป็นที่ตั้งของ"พระเกศแก้วจุฬามณี"
ซ้ายกลาง – ระหว่างทางเดินขึ้นยอดเขานั้น นักท่องเที่ยวจะพบพระพุทธรูปปางไสยาสน์ก่อน
ขวาบน – พระเกศแก้วจุฬามณี (จากภาพ ปัจจุบันยังสร้างไม่เสร็จเนื่องด้วยเหตุผลบางประการ)
กลาง – วิวจากชั้นบนทำให้เราเห็นต้นไม้สีเขียวขจีที่ใต่ระดับลงไปจนถึงผืนป่าด้านล่าง
- คราวนี้ให้ทุกคนลงจากเขาไปชมศาสนสถานที่อยู่กลางน้ำด้านล่างบ้าง
ซ้ายล่าง – วิหารกลางน้ำ
ขวาล่าง – บรรยากาศภายในวิหาร

บนผาหินด้านล่างอีกฟากยังเหลืออีกหนึ่งจุดที่อยากเล่าสู่กัน
ซ้ายบน – พระสังกัจจายะณะ
- อย่างที่เกริ่นไว้ตอนต้นว่า เขาถ้ำระฆังทองมีถ้ำอยู่มากมาย วันนี้ทีมงานจะพาตะลุยถ้ำแบบคร่าวๆสักสี่ถ้ำ แต่ต้องบอกก่อนว่า ในถ้ำมืดสนิท ไม่มีไฟฟ้า ส่วนถ้ำจะเป็นเช่นไร เราไปร่วมค้นหาพร้อมๆกัน
ขวาบน – ถ้ำแรกคือ ถ้ำพญานาคราช ถ้ำนี้ค่อนข้างแคบ แถมเพดานถ้ำบางช่วงก็เตี้ย
ขวากลางบน – ผนังถ้ำมุมนี้มีการสร้างลำตัวพญานาคสีเขียวขดขึ้นมาเป็นฐานให้พระพุทธรูปปางนาคปรกได้ประดิษฐาน
- ถ้ำต่อไปคือ ถ้ำลับแล จากปากถ้ำ นักท่องเที่ยวต้องเดินบันไดปูนขึ้นสู่โถงถ้ำชั้นบนก่อน
ซ้ายล่าง – เมื่อขึ้นมาแล้ว โถงถ้ำนี้จะเห็นค้างคาวเกาะบนเพดานถ้ำหลายตัว
ขวากลางล่าง – ข้างผนังฝั่งขวาของโถงถ้ำมีโพรงเล็กๆพอดีตัวให้เราคลานเข้าไปได้ แต่ยังไม่เคยมีใครสำรวจ
- สองถ้ำแรกก่อนหน้านี้ เราต้องเข้าถ้ำจากด้านหลังเขา ซึ่งปากถ้ำจะอยู่ระดับตีนเขา แต่อีกสองถ้ำต่อไปนี้ เราต้องเดินขึ้นเขาก่อน จึงจะพบปากถ้ำ โดยถ้ำต่อไปคือ ถ้ำแม่มด
ขวาล่าง – ปากถ้ำแม่มดจะเล็กอย่างที่เห็น นักท่องเที่ยวต้องก้มหัวเข้าไป

ยังอยู่ในถ้ำแม่มด
ซ้ายบน – เมื่อเข้ามาแล้ว เราจะเห็นโถงถ้ำที่มีปล่องถ้ำให้แสงสว่างอยู่ด้านบน
- ปิดท้ายด้วยถ้ำช้าง
ขวาบน – ถ้ำช้างจะมีถ้ำลอดระยะสั้นๆก่อน เมื่อลอดออกมาแล้ว ก็จะเป็นทางเดินตามไหล่เขาแบบนี้
ขวากลาง – เดินมาไม่ไกล เราก็พบถ้ำช้าง ทุกคนต้องเดินเลียบผนังปากถ้ำเข้าสู่ซอกถ้ำที่เห็นเป็นเงามืดด้านใน
ซ้ายล่าง – หน้าตาของหินย้อยในถ้ำช้าง
ขวาล่าง – เส้นทางเดินในถ้ำช้างด้านในเป็นทางแคบและดิ่งลงสู่ด้านล่างเรื่อยๆ ใครเป็นนักลุย ก็ค่อยๆไต่ลงไปได้เลย
- สำหรับลานด้านหน้ามีศาลาเอนกประสงค์ที่ขายเครื่องดื่มในตู้เย็นด้วย รายการเครื่องดื่มมีน้ำดื่ม น้ำอัดลม น้ำชาเขียว เครื่องดื่มชูกำลัง กาแฟกระป๋อง และน้ำสำรอง นอกจากนี้มีถั่วให้ลิงกินจำหน่ายอีก และในบางครั้งยังมีรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างนำไอศกรีมถ้วยแท่งและโคนเข้ามาจอดขายเช่นกัน