วัดคันธาพฤกษา (วัดแม่กำปอง) ในอดีตเคยเป็นอาศรมและตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาห่างจากหมู่บ้านแม่กำปองราว 300 เมตร ต่อมาประมาณปี พ.ศ.2468 จึงย้ายมาตั้งอยู่ใจกลางหมู่บ้าน แต่เดิมมีถนนผ่านทางทิศเหนือ ปัจจุบันตัดผ่านทางทิศใต้ สำหรับชื่อวัดนั้น ชาวบ้านได้นำนามของครูบาอินสม ฉายา คนฺธรโส (อดีตเจ้าอาวาสวัดดอกแดง) ซึ่งท่านเป็นผู้ริเริ่มสร้างวัดขึ้นในที่ดินของพี่สาวของท่าน (แม่บัวเขียว) และเนื่องจากพื้นที่อยู่ท่ามกลางป่าเขา จึงมีคำว่า"พฤกษา"เข้ามารวมด้วย ชื่อวัดจึงกลายเป็น"วัดคันธาพฤกษา"มาจนถึงทุกวันนี้

อนึ่ง ชาวบ้านนิยมเรียกชื่อวัดตามชื่อหมู่บ้านว่า"วัดแม่กำปอง"

บรรยากาศสดชื่นในหุบเขาที่มีแต่ต้นไม้ ย่อมทำให้วัดแห่งนี้มีอากาศดีอยู่แล้ว แต่ระหว่างทางที่ทีมงานนั่งรถมา คนขับบอกว่า“ที่วัดแม่กำปองมีโบสถ์กลางน้ำด้วยนะ เดี๋ยวพอคุณไปถึงแม่กำปอง ลองเดินไปที่วัด แล้วลงไปข้างล่างดูสิ” ตอนนี้เสน่ห์ของวัดเข้ามานั่งในใจทีมงานทันที
บน – โบสถ์กลางน้ำอยู่กลางธารน้ำของน้ำตกแม่กำปอง นักท่องเที่ยวต้องเดินตามไหล่เขาลงบันไดปูน(จากวัดด้านบน)มาสายน้ำด้านล่างก่อน ก็จะพบโบสถ์กลางน้ำร่มรื่นหลังนี้ (จากภาพ ใต้อักษร com เราจะเห็นน้ำตกแม่กำปองไหลตามชั้นหินลงมา จากนั้นสายน้ำจะไหลแยกเป็นสองทาง เส้นทางแรกคือ ใต้อักษร w ตัวที่สองและสาม ส่วนอีกเส้นทางหนึ่งอยู่บริเวณใต้อักษร rnt ด้วยเหตุนี้ ตรงกลางจึงเป็นเกาะที่มีโบสถ์ตั้งอยู่และลำน้ำทั้งสองฟากก็เปรียบเสมือนใบเสมาของโบสถ์นั่นเอง)

ได้เวลาทัศนาโบสถ์กลางน้ำต่อ
ซ้ายบน – โบสถ์กลางน้ำทั้งหลัง
ขวาบน – พระประธานและบรรยากาศในโบสถ์กลางน้ำ
- ตอนนี้เดินขึ้นบันไดกลับไปด้านบนเพื่อชมส่วนอื่นๆของวัดกันบ้าง
ซ้ายกลาง – วิหารไม้หลังเก่าของวัดคันธาพฤกษา (ภายในมีพระประธานให้กราบไหว้)
ขวากลางบน – วิหารหลังใหม่ของวัดคันธาพฤกษา (ภายในมีพระประธานให้กราบไหว้)
ซ้ายล่าง – เจดีย์ของวัดคันธาพฤกษา
ขวากลางล่าง – บริเวณผนังด้านนอกของวิหารหลังเก่า(ฝั่งติดกับเจดีย์)มีพระเจ้าทันใจประดิษฐานอยู่ ซึ่งบริเวณนี้สามารถจุดธูปเทียนได้
ขวาล่าง – ภาพของโบสถ์กลางน้ำหลังเก่าที่ถ่ายไว้เมื่อปี พ.ศ.2538