ถ้ำเจ็ดคต

คำอธิบาย


ถ้ำเจ็ดคตตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ตำบลปาล์มพัฒนา อำเภอมะนัง จังหวัดสตูล แต่เดิม“ถ้ำเจ็ดคต”เพี้ยนเสียงมาจากคำว่า“เจ็ดขด” ส่วนคำว่า"เจ็ดคต"หมายถึง ความคดเคี้ยวของถ้ำทั้งหมด 7 ครั้ง(หรือ 7 คต) ซึ่งแต่ละคตก็มีชื่อเรียกตามลักษณะรูปร่างของหินงอกหินย้อยที่แตกต่างกัน ถ้ำเจ็ดคตมีระยะทาง 700 เมตรและมีคลองลำโลนไหลผ่านตัวถ้ำ

อนึ่ง ถ้ำเจ็ดคตสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี



ตลอดเส้นทางคลองลำโลนในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด ทีมงานเข้าถึงธรรมชาติอย่างไม่เบื่อเลย ขนาดเรือคายักยังไม่ถึงถ้ำเจ็ดคต ก็เผลอชอบอกชอบใจไปก่อนแล้ว แถมความสนุกในถ้ำยังตามมาสมทบอีก สรุปคือ จะนอกถ้ำหรือในถ้ำ ก็วินวินกันทุกฝ่าย   
- จากจุดเริ่มต้นลงเรือ นักท่องเที่ยวต้องนั่งเรือคายักไปตามลำน้ำของคลองลำโลนและผ่านป่าเขาเป็นระยะทาง 7 กิโลเมตรก่อน จากนั้นจึงเข้าถ้ำเจ็ดคต(ซึ่งเป็นถ้ำธารลอด)อีก 700 เมตร หลังจากลอดถ้ำออกมา ก็ล่องเรือต่ออีกเล็กน้อย รวมระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร
ซ้ายบน – ธรรมชาติของคลองลำโลนมีแต่ความสดชื่น ส่วนสิงสาราสัตว์ก็จ้อกแจ้กจอแจไม่ห่างตัวเลย สัตว์ที่นักท่องเที่ยวมีโอกาสพบเจอ ก็เช่น ตะกวด หมูป่า งูน้ำ ปลาดุก ปลาช่อน เต่า ตะพาบ ปาด นกกาน้ำ ปลาบู่ ปลากดเหลือง ฯลฯ
ขวาบน – คราวนี้เราออกมากลางแจ้งบ้าง บรรยากาศในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัดชวนมองจริงๆ
ซ้ายกลาง – ป่าไผ่ให้ความร่มรื่นมาก
ซ้ายล่าง – นอกจากการล่องเรือคายักตามสายน้ำกว่า 7 กิโลเมตรแล้ว การล่องแก่งเล็กๆน้อยๆระหว่างทางก็มีให้ลุ้นเบาๆอยู่ 3-4 ช่วง (จากภาพ ถ้ามาในหน้าฝน น้ำจะท่วมแก่งไปถึงขอบตลิ่ง เราจะเห็นปริมาณน้ำมากและเชี่ยวเข้ามาแทนที่ แต่ถ้ามาในหน้าแล้ง ปริมาณน้ำจะลดไปมาก น้ำจึงใสและไหลเอื่อย เราเลยได้เล่นล่องแก่งที่โผล่ขึ้นมาโดยปริยาย)
- ในที่สุด ไฮไลต์ก็มาถึง
ขวาล่าง – ตอนนี้ทีมงานอยู่บริเวณปากถ้ำเจ็ดคตแล้ว จุดเด่นของปากถ้ำก็คือ หินย้อยรูปทรงระฆังคว่ำสีเหลืองมัสตาร์ด(หรือระฆังทอง)ที่ห้อยอยู่บนเพดานถ้ำ ซึ่งสีเหลืองมัสตาร์ดเกิดจากสีของหินปูนผสมกับสารละลายธาตุเหล็กจนเกิดเป็นสีเหลืองอมน้ำตาล และหินย้อยสีเหลืองมัสตาร์ดนี้เองถือเป็นการเปิดบ้านเข้าสู่ถ้ำเจ็ดคตอย่างเป็นทางการ (จากภาพ การพายเรือคายักในคลองลำโลนก่อนหน้านี้ เมื่อมาถึงปากถ้ำ น้ำจากคลองลำโลนยังคงไหลเข้าสู่ถ้ำต่อไป แต่เราไม่สามารถพายเรือเข้าถ้ำตรงๆได้เนื่องจากมีก้อนหินใหญ่มาขวางปากถ้ำอยู่ จึงต้องแบกเรือคายักข้ามทางเดินปูนเป็นช่วงสั้นๆจากปากถ้ำด้านนอก เพื่อยกมาวางตรงปากถ้ำด้านใน และภาพนี้ก็เป็นจุดแรกที่เรือคายักถูกแบกมาวางไว้ที่ปากถ้ำด้านใน)




เดี๋ยวเราล่องสายน้ำในถ้ำชมตัวอย่างคตกัน
ซ้ายบน – บรรยากาศเข้าสู่ความมืดมิด แสงจากไฟฉายเท่านั้นที่ช่วยได้ และที่ขาดไม่ได้คือฝูงค้างคาวบนเพดานถ้ำ
ขวาบน - คตนี้มีหินย้อยมากันเป็นกลุ่มใหญ่
ซ้ายกลาง – ทุกคนกำลังผ่านคตด้านหน้าเพื่อเลี้ยวซ้ายต่อ (จากภาพ ใต้อักษร www.k จะเห็นเป็นเนินหาดทรายปนกรวดอยู่ ซึ่งทุกคตต่างก็มีหาดทรายแบบนี้ เพียงแต่มีขนาดต่างกันไป)
ซ้ายล่าง – คตนี้ชื่อ“คตส่องนภา”ซึ่งเป็นไฮไลต์ของถ้ำเจ็ดคต เนื่องจากจะเห็นแสงจากปล่องถ้ำด้านบนสาดส่องลงมา
- ตามเส้นทางในถ้ำ นักท่องเที่ยวจะเห็นอะไรบ้าง
ขวากลาง – หินย้อยที่ไหลลงมาราวกับม่านน้ำตก
ขวาล่าง – ลานกุหลาบหิน (จากภาพ น้ำหินปูนจากเพดานถ้ำที่หยดลงมาติ๋งๆ เมื่อไหลมาเจอพื้นด้านล่างที่มีความลาดเอียงไม่เท่ากัน ความเร็วของน้ำที่ไหลในแต่ละจุดจึงไม่เท่ากัน ทำให้แคลเซียมคาร์บอเนตของหินปูนที่มากับน้ำมีเวลาที่จะตกตะกอน ในหลักธรณีวิทยาเรียกรูปทรงที่เกิดจากการตกตะกอนนี้ว่า“ทำนบหินปูน” (Rimstone) ซึ่งกลายเป็นประติมากรรมคล้ายดอกกุหลาบหินตามจินตนาการ)




ไปสานต่อความสนุกสนานเลย
ซ้ายบน – คตสุดท้ายที่ทีมงานกำลังเลี้ยวออกมา นักท่องเที่ยวจะเห็นแสงจากปากถ้ำส่องเข้ามาโดนเหลี่ยมของผนังถ้ำด้านในจนเกิดเป็นแสงและเงาคล้ายแผนที่ประเทศไทยทั้งบนผนังถ้ำและผิวน้ำของคลองลำโลน
ขวาบน – ในที่สุดทีมงานก็มาถึงปากถ้ำเจ็ดคตอีกฟากแล้ว บรรยากาศสวยงามและเย็นตา และหลังจากปากถ้ำนี้ไป เราจะล่องเรือต่ออีกเล็กน้อยจนคลองลำโลนไปบรรจบกับคลองวังสายทองในอำเภอละงู ซึ่งเป็นปลายทางของทริป
- ตลอดเส้นทางบนเรือคายัก พืชและสัตว์ในคลองลำโลนและถ้ำเจ็ดคตผ่านเข้ามาภาพแล้วภาพเล่า ต่อไปนี้คือตัวอย่างของภาพเหล่านั้น
ซ้ายกลาง – ต้นตองอาน (จากภาพ ต้นตองอานเป็นพืชป่า จัดเป็นไม้ประเภทเถา มีถิ่นกำเนิดในแหลมมลายู ใบเป็นใบเดี่ยว ลักษณะผลเป็นผลรวมหรือช่อผล ผลย่อยมีประมาณ 80-120 ผลต่อช่อ เปลือกผลมีสีเขียว เมื่อแก่มีสีเหลือง เนื้อด้านในมีสีใสคล้ายเนื้อลูกตาลและหุ้มเมล็ดอยู่ ส่วนเมล็ดจะแข็ง พบได้ตามป่าดิบชื้น)
ขวากลาง - นกเด้าลมหลังเทา
ซ้ายล่าง – แมงมุมสีดำจุดขาว(กระโดดเข้ามาเป็นนายแบบในเรือคายัก)
ขวาล่าง – ปูเขาหินทุ่งหว้า (จากภาพ ปูเขาหินทุ่งหว้าเป็นปูน้ำจืดเฉพาะถิ่นของจังหวัดสตูล ทีมงานพบปูตัวนี้เดินต้วมเตี้ยมอยู่ในถ้ำเจ็ดคต การเจอครั้งนี้ถือว่าฟลุกสุดๆเนื่องจากในถ้ำมีซอกหลืบและก้อนหินมากมาย แถมมืดสนิท แต่เหมือนเป็นบุพเพสันนิวาสที่ปูเขาหินตัวนี้ปรากฏตัวได้จังหวะพอดี)

TODAY THIS MONTH TOTAL
509 5446 297838
Copyright : 2018 KarnDernTang.com ขอสงวนลิขสิทธิ์เนื้อหาในเว็บไซต์ตามกฎหมาย ห้ามทำซ้ำหรือคัดลอกโดยไม่ได้รับอนุญาต

บริษัทรับทำเว็บไซต์ Design By cw.in.th

Scroll To Top