(สามารถคลิกอ่านคำอธิบายของกินของใช้ได้ที่"คำอธิบาย")
ช่วงเทศกาลตรุษจีนบริเวณถนนช้างม่อยที่เชื่อมต่อกับถนนวิชยานนท์จะปิดการสัญจรทางรถยนต์เพื่อนำของกินของใช้มาจำหน่ายตลอดสองข้างทางบนถนนคนเดินเป็นเวลาสามวัน โดยเราสามารถเข้าได้สี่ทางคือ ถนนช้างม่อย ถนนวิชยานนท์(ทั้งจากทางแม่น้ำปิงและจากถนนท่าแพ) และตรอกเล่าโจ๊ว(หรือถนนข่วงเมรุ) ตลอดทางจะมีแผงลอยทั้งซ้ายขวา โดยเกือบทั้งหมดเป็นเต็นท์ประกอบ ที่เหลือก็มีราวแขวน รถเข็น และผ้าบลูชีท
เรามาเริ่มสำรวจซุ้มประตูทางเข้าถนนช้างม่อยกันก่อน โซนแรกหรือครึ่งทางแรกของถนนช้างม่อยเน้นเสื้อผ้าชายหญิงเป็นหลัก ส่วนสินค้าประเภทอื่นๆก็มีเครื่องประดับสตรี ของใช้ในบ้าน สายตา เข็มขัด อุปกรณ์มือถือ รองเท้า เครื่องสำอาง ของชำร่วย เครื่องใช้ชาร์จแบตและถ่าน เสื้อผ้าพื้นบ้าน ของเล่นเด็ก หมวก สมุนไพร เครื่องใช้ไฟฟ้าพกพา กระเป๋า รวมทั้งเสื้อผ้ามือสอง ส่วนของกินก็พอมีอยู่ เช่น ผลไม้ ของกินเล่น ชากาแฟ ขนมไทย ของปิ้งย่าง เครื่องดื่มแช่เย็น และน้ำผึ้ง
เมื่อเดินมาถึงสามแยกที่สามารถเลี้ยวขวาไปถนนข่วงเมรุ(หรือตรอกเล่าโจ๊ว)ได้ ถ้ายังเดินตรงไปบนถนนสายเดิม บริเวณนี้ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนจากโซนของใช้เป็นโซนของกินแล้ว โดยพื้นที่ตรงกลางถนนนับจากนี้มีโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งกินเป็นทางยาวด้วย โซนของกินบนถนนช้างม่อยในช่วงครึ่งหลังก็มีอาหารทั่วไป เครื่องดื่ม อาหารชาวจีน ขนมไทย ของกินเล่น ไอศกรีม อาหารญี่ปุ่น ของปิ้งย่าง เครื่องดื่มแช่เย็น ของหมักดอง ของกินเล่น(ของฝาก) ขนมปัง ขนมจีนน้ำยา ผลไม้ ของทอด อาหารทะเลแห้ง ของนึ่ง และสัตว์น้ำจืดแห้ง
จากนั้นเราจะเจอสามแยกที่เชื่อมกับถนนวิชยานนท์ โดยบริเวณนี้มีเวทีการแสดงตั้งอยู่ด้วย เส้นทางถนนคนเดินบังคับให้เราเลี้ยวขวาเพื่อเข้าสู่ถนนวิชยานนท์ต่อ ถนนฟากนี้เน้นของกินเป็นหลักและกลางถนนก็มีที่นั่งกินเป็นทางยาวเหมือนถนนช้างม่อย ส่วนโซนของใช้มีไม่มาก สำหรับของกินก็เริ่มจากของทอด อาหารทั่วไป เครื่องดื่ม ของปิ้งย่าง อาหารญี่ปุ่น ขนมไทย ของกินเล่น เครื่องดื่มแช่เย็น อาหารหมักดอง อาหารทะเลแห้ง ขนมปัง อาหารเยอรมนี แมลงทอด ขนมและอาหารชาวจีน อาหารอิตาเลียน กับข้าว น้ำพริก สัตว์น้ำจืดแห้ง ไอศกรีม ไปจนถึงอาหารอีสาน ส่วนของใช้ก็มีเครื่องสำอาง สมุนไพร รองเท้า และเสื้อผ้าชายหญิง
จากนั้นกลับมาที่ถนนข่วงเมรุ(ตรอกเล่าโจ๊ว)จากแยกถนนช้างม่อยเมื่อสักครู่ แล้วไปตามถนนในซอย(หรือตรอกเล่าโจ๊ว)บริเวณศาลเจ้ากวนอูจนวกกลับมาออกบริเวณท้ายถนนคนเดินบนถนนวิชยานนท์อีกครั้ง (หรือจะเข้าจากซอยตรงถนนวิชยานนท์ก่อนเพื่อไปออกตรงสามแยกช้างม่อยก็ได้) สำหรับสินค้าในซอยนี้ส่วนมากเป็นของใช้มากกว่าของกิน ซึ่งก็มีเสื้อผ้าชายหญิง ขนมไทย เครื่องดื่ม หมวก เสื้อผ้าเด็ก เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับสตรี ผลไม้ สินค้าพื้นเมือง อุปกรณ์มือถือ ของตกแต่ง เครื่องสำอาง ของนึ่ง กระเป๋า ขนมชาวจีน รองเท้า บริการ ของเล่นเด็ก จับสลาก อาหารทั่วไป และของทอด
เรามาตบท้ายบริเวณด้านหลังถนนคนเดินบนถนนวิชยานนท์ต่อ เมื่อพ้นโซนถนนคนเดินออกไป จะมีชาวบ้านขาจรนำของมานั่งขายแบกะดินริมถนนด้านขวามือด้วย ซึ่งแผงลอยก็มีผ้าฟาง ลังพลาสติก และโต๊ะเตี้ย ส่วนของกินก็มีผักสด ผลไม้ พืชไร่ และของกินเล่น
อยู่เชียงใหม่ นอกจากมีวัดวาอารามและภูเขาเป็นตัวเลือก ตอนนี้เข้าสู่เทศกาลตรุษจีนแล้ว ไม่รู้ว่าชาวเชียงใหม่จะจัดงานต้อนรับเทศกาลกันครึกครื้นแค่ไหน วันนี้ได้โอกาสมาเมืองเหนือ แถมอากาศหน้าหนาวเย็นสบายเป็นใจอีก ก็ขอเปลี่ยนอิริยาบถไปแอ่วงานเทศกาลตรุษจีนดีกว่า
- เริ่มต้นจากสินค้าบริเวณซุ้มประตูบนถนนช้างม่อยเข้าไปเลย
บน – โซนแรกบนถนนช้างม่อยเป็นของใช้เกือบทั้งหมด โดยมีของกินไม่กี่ราย เต็นท์ทั้งสองฝั่งยาวเหยียดตลอดทาง คนไทยและต่างชาติมาเที่ยวแน่นถนน พ่อค้าแม่ค้าเตรียมฟุดฟิดฟอไฟได้ (จากภาพ เท่าที่เห็น ตอนนี้หมวดเสื้อผ้านำโด่งมาก่อนใคร)
ซ้ายบน – เสื้อสีพื้น เสื้อยืดสกรีนลาย กางเกงขาสั้น สามส่วน และขายาวลายพรางของผู้ชาย สนใจแบบไหน ก็หยิบจับดู
ขวาบน – เต็นท์นี้มีชาวต่างชาติชายหญิงให้ความสนใจมาก เนื่องจากเป็นเสื้อยืดสกรีนลายยี่ห้อที่ทั่วโลกรู้จักดี
ขวากลาง – แม่ค้าในชุดกี่เพ้า(ที่แวดล้อมไปด้วยไม้แขวนเสื้อ)กำลังจำหน่ายชุดเดรส เสื้อคลุมไหล่ เสื้อสายเดี่ยว เสื้อลูกไม้ รวมทั้งเสื้อแขนสั้นแขนยาวต่างๆ ส่วนแบบอื่นๆที่โดนบัง ก็ถามแม่ค้าตรงๆเลย
ซ้ายล่าง – แผงนี้โชว์แว่นตาแฟชั่นดีไซน์เก๋ๆเท่ๆเพียบ
ขวาล่าง – คนขายกำลังแนะนำกระเป๋าถือหลายสีหลากดีไซน์ให้ลูกค้าอยู่
ข้าวของโซนแรกของถนนช้างม่อยไม่ยอมออมมือใคร ไปต่อกัน
ซ้ายบน – สาววัยรุ่นเต็นท์นี้มาในเทรนด์มุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้ง ไม่หลงยุคกับวัยรุ่นเจเนเรชั่นนี้จริงๆ สีชมพูหวานแหววเริ่มตั้งแต่หวี เครื่องคิดเลข พวงกุญแจ ตุ๊กตา นาฬิกา กล่องใส่ของ กระเป๋าสตางค์ เป้ใบเล็ก ตัวห้อยกระเป๋า ไปจนถึงกระจก
ขวาบน – พ่อค้ารายนี้วางสินค้าเต็มแผง เท่าที่เห็นก็มีสายชาร์จ เม้าส์ ไม้เซลฟี่ ยูเอสบี คีย์บอร์ด มือจับแทบเล็ต ปลั๊กพ่วง ไมโครโฟน วิทยุพกพา ลำโพงบลูทูธ เครื่องคิดเลข เสาอากาศ จอยสติ๊ก ไปจนถึงกล่องทีวีดิจิตอล สำหรับของเล่นเด็กอีกมากที่อยู่แถวหลัง เด็กๆขออนุญาตผู้ปกครองเข้าไปดูได้
ซ้ายกลาง – แม่ค้านำกระเป๋าหนังแนววินเทจมาจัดจำหน่าย แต่ชาวต่างชาติสักลายคู่นี้กลับให้ความสนใจมีดพก
ขวากลาง – หลังจากดูของใช้พอเป็นพิธีแล้ว ของกินโซนแรกก็มีเช่นกัน แต่ไม่เยอะมาก เราขอสุ่มสักหนึ่งร้านมาฝาก โต๊ะนี้มีชาชักอยู่มุมไกล ส่วนมุมใกล้ก็คือโรตีแบบนุ่มและแบบกรอบ ขณะที่เครื่องเคียงก็มีเนยน้ำตาล กล้วย ชีส และไข่
- บนถนนช้างม่อย นอกจากโซนของใช้ซึ่งถือว่าเด่นแล้ว โซนที่สองของถนนสายเดียวกันนี้ยังมีของกินมาให้เสียสตางค์อีก ซ้ายขวายังเป็นเต็นท์เหมือนเคย ส่วนด้านข้างเป็นทางเดินและมีโต๊ะเก้าอี้คั่นกลางไว้ สั่งของกินเสร็จ ถ้าเจอที่ว่าง ก็นั่งเลย
ซ้ายล่าง - ใครชอบยำมะม่วง ลองมาดูร้านนี้ ตัวเลือกก็มีปูม้า หอยนางรม ปูแป้น หอยแครง (แต่ถ้าต้องการปลากรอบกับข้าวโพด ก็เพิ่มตังค์อีกหน่อย ส่วนจะใส่หรือไม่ใส่ปลาร้า รบกวนบอกล่วงหน้า)
ขวาล่าง – แม่ค้าผัดไทยผัดจนมือแทบไม่ว่าง สามเมนูด้านหน้ามีหมี่เหลือง วุ้นเส้น และเส้นจันทร์ (หรือถ้าอยากกินเส้นรวม ก็จัดให้ได้)
เรายังอยู่ในโซนของกินต่อ
ซ้ายบน - ที่อยู่บนใบตองคือ หมึกทอดกระเทียม(พร้อมน้ำจิ้ม)
ขวาบน – กระเพาะปลาและราดหน้ามากันเต็มๆกระทะ
ซ้ายกลางบน – แผงนี้มีน้ำปั่นผลไม้ทั้งหมด 9 อย่างคือ มะม่วงสุก เสาวรส กล้วยหอม ส้ม แก้วมังกร แคนตาลูป แตงโม สับปะรด และมะละกอ
ขวากลางบน – ใครอยากกินปลา เมนูปลาเผารอคุณอยู่
ขวากลางล่าง – คนที่ชอบเส้นขนมจีน ร้านนี้มีตัวเลือกให้สองอย่างคือ น้ำยาปูและแกงเขียวหวานปลากราย
ซ้ายกลางล่าง – เจ้าของร้านกำลังย่างซี่โครงหมูอยู่
ซ้ายล่าง – ของกินเล่นแผงนี้วางจนเต็มโต๊ะ ไล่กันตั้งแต่ทุเรียนกวน สับปะรดกวน มะม่วงกวน ขนมตุ้บตั้บ กล้วยตาก มะตูมเชื่อม(แห้ง) อินทผาลัมแห้ง ขนมเกลียว ถั่วกรอบแก้ว ขนมปังชีสไส้สับปะรด ขนมผิง ทุเรียนทอดกรอบ ฝอยทอง ถั่วกวน จ่ามงกุฎ ทองเอก ถั่วทอง ไปจนถึงขนมตังเม
ขวาล่าง – เราขอตบท้ายโซนของกินบนถนนช้างม่อยด้วยสินค้าที่กำลังปิ้งอยู่ นั่นก็คือ หมูยอพริกไทยดำ
หลังจากเสร็จภารกิจบนถนนช้างม่อย เราก็เข้าถนนวิชยานนท์ต่อ เส้นทางนี้โดดเด่นเรื่องของกินและมีระยะเต็นท์ของกินมากกว่าถนนช้างม่อย แต่ถ้ารวมโซนของกินและของใช้บนถนนช้างม่อยเข้าด้วยกัน เส้นทางก่อนหน้าจะยาวกว่าถนนวิชยานนท์ประมาณหนึ่ง
บน – เต็นท์ทั้งสองข้างยาวจากโซนที่เห็นไปด้านหลังกล้องอีก ซึ่งทั้งหมดมีแต่ของกิน ส่วนของใช้มีไม่มาก สำหรับตำแหน่งทางเดิน ตรงกลางเป็นโต๊ะเก้าอี้และมีทางขนาบข้างเหมือนโซนของกินบนถนนช้างม่อย ส่วนนักท่องเที่ยวก็อบอุ่นอย่างที่เห็น
ซ้ายบน – ไส้กรอกเจ้านี้มากันสารพัดรูปแบบ มีทั้งพันและไม่พันเบคอน
ขวาบน – แผงนี้ขายเฉพาะหมวดตำ โดยมีปูม้าด้านหน้าเป็นตัวชูโรง (จากภาพ ที่อยู่มุมไกลสุดในถาด ก็เป็นแผงเดียวกัน แต่เมนูจะต่างจากหมวดตำนั่นคือ ข้าวผัดและปูผัดผงกะหรี่)
ซ้ายกลาง – โซนของกินฝั่งนี้มีแผงทาโกยากิอยู่สองร้าน
ขวากลาง – ใครชอบกินปลาส้มทอด ตอนนี้คงเปรี้ยวปากแล้ว
ซ้ายล่าง – น้ำอ้อยเจ้านี้ขายดีจนมีกองชานอ้อยร่วมเป็นสักขีพยาน
ขวาล่าง – บะหมี่หยกโปะหน้าหมูแดงเรียงตัวอยู่ในกล่อง
ยิงยาวกับโซนของกินต่อ เราไม่ถอยอยู่แล้ว
ซ้ายบน – ซึ้งในเป็นขนมจีบ ส่วนซึ้งนอกเป็นปูจ๋า(ไส้หมู)
ขวาบน – ของทอดแต่ละถาดก็เคล้ารสชาติต่างกัน เริ่มที่แมลงทอดมุมใกล้ก่อน ก็มีจิ้งหรีด แมงกิซอน ตั๊กแตน ไหม รถด่วน แมลงเหนี่ยง และจิโป่ม(หรือจิ๊กุ่ง) ส่วนมุมไกลออกไปเป็นปูกะตอยทอด ปูอัดทอด เกี๊ยวห่อไข่ทอด หนวดหมึกทอด ไส้กรอกทอด หมึกกะตอยทอด เอ็นไก่ทอด เห็ดเข็มทองทอด และกุ้งทอด
ซ้ายกลางบน – แผงนี้มีแต่หมึกย่างทั้งนั้น ชิ้นเล็กชิ้นใหญ่มีหมด ส่วนราคาก็ผันแปรตามไซส์
ขวากลางบน – ป้าหมวกแดงใส่ไส้ข้าวหลามลงกระบอกอยู่ด้านหลัง แล้วปิดปากกระบอกด้วยใบตองแห้ง จากนั้นพี่เสื้อน้ำเงินและแม่ค้าเสื้อแดงก็เรียงกระบอกข้าวหลามบนเตาสแตนเลสด้านข้าง แล้ววางจำหน่ายด้านหน้า
ซ้ายกลางล่าง – สำหรับคนชอบลูกชิ้นจัมโบ้ แม่ค้าปิ้งรออยู่แล้ว
ขวากลางล่าง - นอกจากขนมเปี๊ยะหลายรสชาติ แผงนี้ยังมีงาตัด ตุ้บตั้บ ถั่วตัด และลูกเต๋าอยู่ใกล้ๆด้วย
ซ้ายล่าง – คนขายทำขนมบ้าบิ่นอยู่ ที่เหลือมีขนมโตเกียวไส้ต่างๆกับขนมรังผึ้งแฟนซีพร้อมตัวเลือกท็อปปิ้งเป็นกล้วยหอม สตรอว์เบอร์รี หรือช็อกโกแลต ก่อนโรยเรนโบว์สปริงเคิลตบท้าย
ขวาล่าง – เมนูที่หลายคน(ไม่ว่าคนไทยหรือชาวต่างชาติ)ต้องมุงและถ่ายรูปคือเนื้อจระเข้เสียบไม้ คนไหนออเดอร์ เดี๋ยวแม่ค้าปิ้งเสริฟทันที
ตอนนี้เหลือแผงของกินให้สำรวจอีกนิดหน่อย
ซ้ายบน – กุ้งแม่น้ำตัวโตๆ ไซส์เล็กกว่าอยู่ทางซ้าย ส่วนไซส์ใหญ่กว่าอยู่ทางขวา (มีลูกค้าให้เผาอยู่เรื่อยๆ)
ซ้ายกลาง – หลังจากดูของกินจนอิ่มท้อง เราไปดูของใช้สักหนึ่งร้านเนื่องจากโซนนี้มีไม่เยอะ เต็นท์นี้จำหน่ายรองเท้าผ้าใบชายและรองเท้าทรงบัลเลต์หญิง
ขวาบน - อย่างที่เคยเกริ่นไว้ บริเวณถนนวิชยานนท์ เมื่อเลยรั้วงานเทศกาลออกไป ยังมีแผงลอยของชาวบ้านตั้งอยู่ริมถนนอีก ของกินพื้นบ้านแต่ละเจ้าที่นำมาขายวันนี้ ทั้งหมดมีฟักแม้ว มะหลอด แตงกวา ข้าวหลาม ตะขบป่า มะเขือสีดา ขมิ้นอ้อย กระเทียม มะขามป้อม ดอกกุ้ยช่าย สตรอว์เบอร์รี พริก งาขี้ม่อน ข้าวกั๊นจิ้น มันฝรั่ง แตงกวา ดอกต้าง ถั่วลันเตา ผักชี ต้นหอม มะระขี้นก รวมทั้งรถเข็นมะม่วงน้ำปลาหวาน
- ถนนใหญ่ด้านนอกทั้งสองถนนเป็นอันลุล่วงด้วยดี คราวนี้เรามาเข้าถนนข่วงเมรุหรือตรอกเล่าโจ๊วกัน
กลาง – เห็นเป็นซอยแบบนี้ แต่ข้าวของไม่อ่อนข้อให้ใครเช่นกัน ชาวต่างชาติเดินในซอยนี้เยอะใช่เล่น (จากภาพ ทางซ้ายเป็นกองรองเท้าวางอยู่บนผ้าบลูชีท ส่วนทางขวาเป็นเต็นท์สินค้าต่างๆ เดี๋ยวเราค่อยไปดู)
- เรามาเริ่มต้นที่ของใช้ก่อน
ซ้ายล่าง - ถ้าใครรู้จักตรอกเล่าโจ๊วหรือถนนข่วงเมรุดี หนึ่งในสินค้าโดดเด่นก็คือ เสื้อผ้าและของใช้ชาวเขาหรือชาวม้ง วันนี้ร้านค้าตามคูหา(ที่เคยขายในวันปกติ)ต่างนำสินค้าลายม้งดีไซน์ประยุกต์มาตั้งโต๊ะจำหน่าย ซึ่งก็มีผ้าพันคอ กระเป๋า ตุ๊กตา ของตกแต่ง หมอน และหมวก
ขวาล่าง – แผงนี้มีแต่หมวกดีไซน์เรียบๆและหมวกแฟชั่นทั้งชายหญิงมานำเสนอ
ข้าวของในตรอกเล่าโจ๊วหรือถนนข่วงเมรุยังมีให้แจกแจงอีก
ซ้ายบน – เต็นท์นี้มีการจับสลากด้วย หลายคนเอากระชอนมาตักแคปซูลเสี่ยงดวงกัน
- คราวนี้ไปสุ่มตัวอย่างของกินบ้าง
ขวาบน – เหลือบไปเห็นแผงขนมจีบกับซาลาเปาไส้ทุเรียนในเข่งพอดี
ซ้ายกลางบน – ท่าทางนักท่องเที่ยวจะชอบอาหารทะเลแห้งเสียบไม้ เห็นหยิบจากถาดกันใหญ่
ขวากลางล่าง – สรุปกันอีกสักร้านกับเต็นท์กะลอจี๊ที่คนขายขะมักเขม้นน่าดู
- ขอเก็บตกกิจกรรมเทศกาลตรุษจีนที่ขาดไม่ได้อีกอย่าง นั่นคือ การเชิดสิงโต ซึ่งพอตกค่ำ ขบวนสิงโตก็แห่เข้ามาบริเวณถนนคนเดิน
ซ้ายกลางล่าง – ตอนนี้เสียงเชิดสิงโตดังอึกทึกไปทั่ว ขบวนยาวเป็นหางว่าวเลย เดี๋ยวเราไปดูหัวขบวนเขาเชิดสิงโตดีกว่า
ขวากลางล่าง – ในที่สุดก็ได้เห็นหัวสิงโต ขบวนยาวจริงๆ สนุกสนานกันทั้งงาน
ซ้ายล่าง - นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาตินำเงินใส่ปากสิงโตเป็นระยะ สิงโตอิ่มได้ คงอิ่มไปแล้ว (จากภาพ ชายไทยคนนี้กำลังนำเงินใส่ปากสิงโตเพื่อความเฮงเฮงทั้งปี)
ขวาล่าง – เมื่อสิงโตเข้ามาโซนของกินที่ชาวต่างชาติรวมตัวกันอยู่ ทุกคนต่างเฮโลให้ความสนใจการเชิดสิงโตและพูดคุยเซ็งแซ่ทั้งถนน แถมพัลวันกับกล้องและสมาร์ทโฟนไม่หยุดมือ (จากภาพ สาวต่างชาติหลังฝูงชนคนนี้ใช้ความพยายาม"อย่างสูง"เพื่อเก็บความทรงจำเนื่องจากฝ่าวงล้อมเข้าไปหาสิงโตไม่ได้)
TODAY | THIS MONTH | TOTAL | |||
307 | 5244 | 297636 |