ป่าชายเลนยะหริ่ง

คำอธิบาย


ศูนย์ศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนยะหริ่งบนเนื้อที่กว่า 500 ไร่มีเส้นทางบกและทางน้ำสำหรับนักท่องเที่ยว

ทางบกคือ ทางเดินไม้(ที่สร้างจากไม้ตะเคียนชันตาแมว)รวมระยะทางกว่า 1,250 เมตร ตามเส้นทางจะมีป้ายชื่อพร้อมคุณลักษณะของพันธุ์ไม้ในป่าชายเลนยะหริ่งที่ขึ้น ณ จุดนั้นประกอบเนื้อหาอยู่ตลอดทาง
ประโยชน์ของต้นไม้ก็มีอยู่มาก เช่น ทำบ้าน ทำสีย้อม ทำเครื่องมือจับปลา ทำหลักเลี้ยงหอยแมลงภู่ ทำถ่าน ทำยา ทำเครื่องเรือน ฯลฯ ทางเดินไม้นี้ยังมีศาลาและมุมเก้าอี้ให้นั่งพักทั้งหมด 6 จุด นอกจากนี้ป่าชายเลนยะหริ่งเป็นที่อาศัยของสัตว์ปีก สัตว์บก สัตว์น้ำ และสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำอีกหลายชนิดด้วย

ทางน้ำคือ การนั่งเรือชมป่าชายเลนยะหริ่ง ซึ่งช่วยให้นักท่องเที่ยวเข้าใจระบบนิเวศน์และวิถีชีวิตของชุมชนชาวยะหริ่งมากขึ้น การศึกษาพันธุ์ไม้ริมน้ำก็มีเนื้อหาที่น่าสนใจ เช่น ต้นกระจูดที่ขึ้นเป็นทิวแถวอยู่ริมสายน้ำใหญ่ ซึ่งชาวบ้านนำมาทำเป็นเสื่อกับกระเป๋า ฯลฯ นักท่องเที่ยวยังมีโอกาสเห็นสิ่งมีชีวิตริมน้ำมากมาย รวมทั้งการดำรงชีวิตของชุมชน เช่น การทำกระชังเลี้ยงปลากะพง ฯลฯ



ทีมงานรู้สึกสนุกตลอดเวลาระหว่างอยู่ในป่าชายเลนที่นี่ เพราะนอกจากกิจกรรมทางบกแล้ว กิจกรรมทางน้ำก็น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นสังคมของพืชในป่าโกงกางหรือชีวิตสัตว์โลก ทั้งสัตว์บก สัตว์น้ำ และสัตว์ปีก ทุกอย่างผนึกกำลังเป็นความอุดมสมบูรณ์จนต้องปรบมือให้เลย
– สำหรับป่าชายเลนยะหริ่งแบ่งเป็นสองส่วนด้วยกันคือ ทางบกและทางน้ำ เรามาเริ่มต้นที่ทางบกก่อน
ซ้ายบน - นักท่องเที่ยวต้องเดินผ่านสำนักงานป่าชายเลน จากนั้นจึงเป็นปากทางเข้าป่าชายเลนยะหริ่งตามภาพนี้
ขวาบน – เส้นทางศึกษาธรรมชาติเป็นทางเดินไม้(ตะเคียนชันตาแมว) ซึ่งนอกจากทางเดินตรงปกติ ยังมีวงเวียนแปดเหลี่ยมพร้อมที่นั่งไม้รอบทิศด้วย ส่วนป้ายชื่อพันธุ์ไม้ระหว่างทางจะช่วยให้นักท่องเที่ยวซึมซับธรรมชาติไปพร้อมความเข้าใจมากขึ้น
ซ้ายกลาง – เมื่อเดินไปเรี่อยๆ ก็จะพบสะพานไม้ข้ามดงเถาถอบแถบ
ซ้ายล่าง – และเช่นเคยที่เราสามารถหลบร่มนั่งพักผ่อนใต้ศาลาไม้ได้
ขวาล่าง – รากค้ำยันของต้นโกงกางใบเล็กต้นนี้แตกแขนงได้น่าอัศจรรย์ใจยิ่งกว่าต้นอื่นๆในป่า
ล่าง – บริเวณนี้เป็นจุดที่ต้นโกงกางขึ้นเป็นทิวแถว
รากค้ำยันของต้นโกงกางใบเล็กที่ขึ้นติดกันเป็นลานกว้างทำให้เกิดทิวทัศน์ประหลาดราวกับทุกต้นมีชีวิตและพร้อมใจกันย่างเท้าเดินอย่างไรอย่างนั้น ตอนนี้ทีมงานนึกว่าตัวเองตกอยู่ในแดนสนธยาเสียแล้ว




ตอนนี้กำลังเดินเลียบคลองยามูอยู่
ซ้ายบน – โซนนี้เป็นหอดูนกความสูง 13 เมตร (จากภาพ ปัจจุบันหยุดให้บริการเนื่องจากความทรุดโทรมของสภาพไม้และกำลังรอการปรับปรุงซ่อมแซม)
ซ้ายกลาง – ทางเดินศึกษาธรรมชาติอาจต้องโลดโผนเบาๆเพราะต้องคอยหลบต้นไม้ที่โน้มตัวลงมา
ขวาบน – ทางเดินช่วงขาออกเปลี่ยนเป็นพื้นปูน ระหว่างนี้จะเห็นต้นตาตุ่มทะเลขึ้นสูงเพรียวโอบล้อมตัวเราแทน
- สำหรับพันธุ์ไม้บริเวณป่าชายเลนยะหริ่งมีมากมาย อันได้แก่ พังกาหัวสุมดอกแดง หงอนไก่ทะเล ลำพู ลำแพน ปอทะเล ตะบูนดำ โปรงขาว โพทะเล แสมดำ ปรงหนู หวายลิง และฝาดดอกขาว คราวนี้มาชมตัวอย่างดอกไม้สักหนึ่งดอก
ซ้ายล่าง – เหงือกปลาหมอดอกขาว (จากภาพ เหงือกปลาหมอดอกขาวเป็นไม้เถา ลำต้นอวบ มีหนามที่ขอบใบ ใบเป็นแผ่นกว้างจากกลางใบลงมาถึงฐานใบ ขอบใบเว้าหยักเล็กน้อย มีหนามไม่มากนัก ดอกบานมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2.0-2.5 เซนติเมตร วงกลีบดอกสีขาว ใบประดับสั้นกว่า กลีบเลี้ยงจะร่วงไปก่อนระยะดอกบาน ผลสุกสั้นกว่า 2 เซนติเมตร ซึ่งสั้นกว่าผลของเหงือกปลาหมอดอกม่วง เมล็ดมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.5-0.7 เซนติเมตร ประโยชน์ด้านสมุนไพร ทั้งต้นและรากสามารถต้มอาบแก้พิษไข้ ผื่นคัน โรคผิวหนังทุกชนิด ถ้าใช้รับประทาน เป็นยาแก้พิษฝีดาษและฝีต่างๆ รากและต้นสดตำให้ละเอียด นำมาพอกปิดหัวฝีหรือแผลเรื้อรังเพื่อถอนพิษ จัดเป็นพันธุ์ไม้เบิกนำชนิดหนึ่งของป่าชายเลนบริเวณน้ำค่อนข้างเค็มและดินเป็นดินเลนปนทรายค่อนข้างลึก เป็นพืชที่ขึ้นได้ดีตามฝั่งทะเลที่น้ำท่วมถึงทุกวัน)
- แอบไปส่องสัตว์
ขวาล่าง – ระหว่างทางเดินศึกษาธรรมชาติไม่ต้องกลัวเหงาเมื่อลิงแสมมากมายมาร่วมเฝ้าสังเกตการณ์อยู่บนราวทั้งสองฟาก
- เสร็จสิ้นจากทางบก ก็มาต่อเส้นทางสายวารีเลย
ล่าง – วิวของป่าโกงกางที่นี่งามตาจริงๆ ต้นไม้หนาแน่นทั้งสองฟาก แถมเรายังได้ยินเสียงสรรพสัตว์ดังเป็นเพื่อนร่วมทางตลอดเวลา


จากเส้นทางหลัก เรือของเรากำลังลัดเลาะเข้าสู่ลำน้ำสายย่อยแล้ว
ซ้ายบน - เมื่อสักครู่แสงยังแรงและแดดยังร้อน แต่ตอนนี้ทุกอย่างดูร่มรื่นทันตา สายลมพัดเย็นสบาย เสียงนกและแมลงยิ่งฟังชัดเข้าไปใหญ่
ขวาบน – การมุดเข้าตรอกซอกซอยก็เป็นเรื่องท้าทายที่ทุกคนต้องเบี่ยงตัวไปมา
ซ้ายกลาง – บางช่วงเป็นทางซอกหลืบไม่พอ ยังมี
รากอากาศมากมายของต้นโกงกางที่ห้อยลงมาคลอเคลียตัวเราอย่างที่เห็น ธรรมชาติอยู่ใกล้เพียงปลายสัมผัสจริงๆ
ขวากลาง – หลังจากห่างหายเสียงของผู้คนในเมือง แล้วมาฟังเสียงธรรมชาติแทน ต้องยอมรับว่า ระหว่างอยู่ในสายน้ำแคบๆนี้ ทีมงานมีความสุขจนไม่รู้จะพูดอะไร นอกจากปล่อยอารมณ์เงียบๆไปกับผืนป่า
- กลางทางมีจุดแวะพักบนแคร่ไม้ไผ่ริมป่าชายเลนโซนทะเลในที่หันหน้าออกไปทางแหลมตาชีด้วย
ซ้ายล่าง - ตอนนี้ขอนั่งพักบนแคร่ไม้รับลมทะเล(ที่พัดมาไม่หยุดและเย็นชื่นใจ)สักแป๊บ
ขวาล่าง - ภาพนี้ก็คือ ทะเลในที่หันหน้าไปทางแหลมตาชี(เมื่อมองจากแคร่ไม้) วิวสงบๆแต่ได้บรรยากาศสบายตา (จากภาพ แถบนี้เป็นทางผ่านไปมาของเรือจับปลาลำเล็กและเรือกอและที่แล่นออกทะเลนอกไปวางลอบปูม้า
)

 



ยังมีเรื่องราวสนุกๆรอเราอยู่กลางสายน้ำ
ซ้ายบน – หลังจากนั่งหลบแดดรับลมบนแคร่ไม้ ตอนนี้ก็ได้เวลาเข้าช่องเล็กช่องน้อยอีกครั้ง เบื้องหน้าเราตอนนี้ราวกับถ้ำมืดเลย ป่าโกงกางปกคลุมเต็มเหนี่ยว
ขวาบน - เส้นทางนี้ดูลึกลับดี
กลาง - ไฮไลต์สำคัญของการเดินทางคือ ซุ้มประตูของต้นโกงกางอายุร้อยปีที่โน้มตัวเข้าหากันทั้งสองฟากจนกลายเป็นอุโมงค์โกงกางขนาดใหญ่
- ได้เวลาของสิงสาราสัตว์
ซ้ายล่าง – นกกาน้ำเกาะอยู่บนขอนไม้ ตัวเปียกมอมแมม ตั้งท่าเงียบๆ รอให้เหยื่อใต้น้ำชะล่าใจก่อน
ขวาล่าง – สายตาประดุจเหยี่ยว นกกาน้ำโผตัวลงน้ำจับเหยื่อแบบทันควัน ตอนนี้ได้แต่เห็นหลังไวๆ และก็ไม่พลาดเป้า ปลาตัวเล็กกลายเป็นอาหารมื้อโอชะในท้องเรียบร้อยโรงเรียนจีน เรื่องจิ๊บๆของสัตว์ปีกตัวสีดำ
ล่าง – น้อยครั้งที่นักท่องเที่ยวจะมีโอกาสได้เห็นก็คือ เหล่าปลากระบอกที่กระโจนตัวลอยเหนือผิวน้ำเป็นฝูง ทุกอย่างเกิดในเสี้ยววินาที ปลาในป่าชายเลนที่นี่สมบูรณ์มาก แถมการเดินทางครั้งนี้ยังทำให้รู้ว่า สัตว์ต่างๆต่างก็ปรับตัวตามสภาพของน้ำที่มีทั้งขึ้นและลง กร่อยและเค็ม ทุกอย่างคือวงจรชีวิตนั่นเอง (จากภาพ ดัชนีวัดความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลนยะหริ่งก็คือ ปลากะพงตามธรรมชาติในโซนทะเลใน(ที่ชาวบ้านเคยจับได้)ขนาด 12 กิโลกรัม)


TODAY THIS MONTH TOTAL
394 5331 297723
Copyright : 2018 KarnDernTang.com ขอสงวนลิขสิทธิ์เนื้อหาในเว็บไซต์ตามกฎหมาย ห้ามทำซ้ำหรือคัดลอกโดยไม่ได้รับอนุญาต

บริษัทรับทำเว็บไซต์ Design By cw.in.th

Scroll To Top